PAINT PROTECTION FILM (PPF)

ฟิล์มกันรอยสีรถ

ฟิล์มกันรอยสีรถ Paint Protection Film

ปัจจุบัน ฟิล์มกันรอย เป็นทางเลือกของกลุ่มคนรักรถเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัญหาสะเก็ดหินดีดใส่หน้ารถ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และด้วยการเคลือบแก้ว-เคลือบเซรามิกเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถป้องกันสะเก็ดหินเหล่านี้ได้ จึงทำให้คนที่เคลือบแก้วเคลือบเซรามิกในปัจจุบัน นิยมติดฟิล์มกันรอย PPF ในส่วนของกันชนหน้า ไฟหน้า ฝากระโปรงร่วมกันกับการเคลือบเซรามิกด้วย เพราะสามารถป้องกันหินดีดใส่ได้จริง และดูเนียนเหมือนไม่ได้ติด ยกเว้นแต่เราจะไปมองใกล้ๆ หรือเอามือลูบบริเวณรอยต่อของฟิล์มเท่านั้น ถึงจะทราบว่ารถคันนั้น ได้ติดตั้งฟิล์มใสกันรอย PPF ไว้นั่นเอง

ปัจจุบัน บ้านคนรักรถ ได้ใช้ฟิล์มกันรอย แบรนด์ SCP เป็นแบรนด์หลักของทางร้าน ซึ่งมี Series ต่างๆ ดังนี้

 

1. Starter 160 ไมครอน ประกัน 2 ปี  ตัวเริ่มต้น จุดเด่นราคาถูก เน้นรอยขนแมว รอยขีดข่วนที่ไม่แรงมากได้ ติดเต็มคัน เริ่มต้นเพียง 29,900 เท่านั้น 

2. Standard 190 ไมครอน ประกัน 3 ปี ตัวมาตรฐาน  นิยมติดตั้ง ในงบที่ไม่สูงมาก ราคาเริ่มต้นเพียง 39,900 บาท จุดเด่น คือ ราคาไม่สูงมาก งานสวย เนียน มีความเหนียวระดับปกป้องรอยหินดีด และรอยขีดข่วนได้ดี หมองเหลืองช้า

3. Premium GT 215 ไมครอน ประกัน 4 ปี ตัวยอดนิยม ผิวสวย ผิวส้มน้อยเรียบ เงา และเหลืองช้ามาก ชั้น Top Coat ต่อต้านมลภาวะต่างๆ ดีมาก คราบต่างๆ ไม่เกาะฟิล์มง่าย และฟิล์มค่อนข้างเหนียวมาก สำหรับรถหรู หรือคนที่ขับรถเร็วหน่อย ตัวนี้จะปกป้องได้ดีมากๆ ราคาเริ่มต้น 49,900 บาท

4. Performance 215 ไมครอน ประกัน 6 ปี ตัว Top เหนียวสุด เงาสุด ต่อต้านมลภาวะและคราบดีสุด และทนที่สุด  เหมาะกับรถ Sport , Super Car หรือคนที่เน้นของดีที่สุด ใช้ระยะยาวได้ดี ไม่สร้างปัญหาในระยะยาวนั่นเอง ราคาเริ่มต้น 79,900 บาท

5. TPU MATTE ฟิล์มกันรอยแบบผิวด้าน 190 ไมครอน ประกัน 4 ปี  เน้นเปลี่ยนคาแร็กเตอร์รถให้ดูดุดัน และยังได้การปกป้องที่ดีไปด้วย ราคาเริ่มต้น 44,900 บาท

6. ฟิล์มนิรภัยกระจกบานหน้า Exoshield GT3 135ไมครอน ประกัน 2 ปี ไว้สำหรับป้องกันหินดีดกระจกบานหน้าแตก ราคา 15,000

7. Sky Shield ฟิล์มนิรภัยซันรูฟ ช่วยป้องกันการแตกของหลังคากระจก และหลังคาซันรูฟ แถมยังสามารถลดความรอนได้ดีอีกด้วย

ฟิล์มกันรอย มีวัสดุแบบใดบ้าง

ประเภทของฟิล์มใสกันรอย ปัจจุบันฟิล์มกันรอยจะแบ่งเป็น 3 วัสดุ ได้แก่
1. PVC   2. TPH  3. TPU   
ซึ่งแต่ละวัสดุจะมีราคาที่แตกต่างกันรวมถึงคุณภาพเนื้อฟิล์มและอายุการใช้งานด้วย 

1. วัสดุ PVC : เนื้อฟิล์มที่เป็น PVC ปัจจุบันไม่นิยมหรือหาติดแทบไม่ได้แล้วสำหรับฟิล์มใสกันรอย จะเหลือก็เพียงแต่ Sticker สีที่แร๊ปเปลี่ยนสีเท่านั้น แต่สมัยก่อนนิยม เนื่องจากราคาถูกที่สุด เข้าถึงได้ง่ายนั่นเอง

ข้อดีฟิล์มกันรอยเกรดเนื้อ PVC
1. ราคาถูก

ข้อเสียฟิล์มกันรอยแบบ PVC
1. คราบมลภาวะต่างๆ จะติดลงบนเนื้อฟิล์มได้ง่าย และล้างไม่ค่อยออก ต้องใช้วิธีการขัดเข้าช่วย
2. เป็นรอยขนแมวง่ายและไม่หายไปเอง ต้องลอกเปลี่ยนหรือขัดสีชักเงาก็จะช่วยได้บ้าง
3. อายุการใช้งาน 1-2 ปี ฟิล์มจะแห้งกรอบ ต้องลอกออกทันที หากใช้ต่ออาจจะลอกไม่ออก และอาจทำให้สีรถเสียหายได้
4. ติดตั้งค่อนข้างยาก ถ้าไม่ชำนาญ งานจะออกมาไม่สวย
5. ใช้ไปสักพัก สีจะเหลืองหมอง ซีด ได้ง่าย ไม่สวย

2. เกรดเนื้อ TPH : เนื้อฟิล์มมีส่วนผสมระหว่าง PVC และ TPU ส่วนเนื้อ TPU จะผสมมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับราคาและแต่ละยี่ห้อของฟิล์ม ซึ่งฟิล์มใสกันรอยเกรดนี้ นิยมกันมาก เนื่องจากราคาไม่สูงมาก และมีคุณสมบัติเด่นๆ ครบ ซึ่งจะมีความคล้ายคลึงกับเกรดเนื้อ TPU จะแตกต่างก็ในเรื่อง ความเหนียวและอายุการใช้งานเท่านั้น

ข้อดีของฟิล์มเกรดเนื้อ TPH-PU
1. เป็นรอยขนแมวสามารถหายเองได้ เมื่อโดนความร้อน Self-Healing Effect
2. มีสารเคลือบ Hydrophobic Effect น้ำเด้ง ไม่เกาะบนเนื้อฟิล์มเหมือนเคลือบแก้ว
3. อายุการใช้งาน 2-3 ปีแล้วแต่ยี่ห้อและส่วนผสมของ TPU ว่ามีมากหรือน้อย
4. ครบอายุการใช้งาน ลอกออกง่าย ไม่ค่อยฉีกขาดเป็นเศษๆ เวลาลอกออก

ข้อเสียของฟิล์มเกรดเนื้อ TPH
1. ราคาแพงกว่า PVC
2. ติดไปได้แค่ไม่ถึงปี ฟิล์มอาจจะเริ่มขุ่นมัว ไม่เงาใส
3. ความเงาเรียบของผิวฟิล์มอาจจะยังไม่ดีมากนัก  

3 ฟิล์มกันรอยเนื้อ TPU เนื้อฟิล์มประเภทนี้ จะดีที่สุด ยืดหยุ่นสูง และเหนียว และปกป้องสีรถดีที่สุด แต่ปัจจุบัน TPU ก็มีหลายคุณภาพเช่นเดียวกัน เพราะ ใครๆ หรือร้านไหน ก็ใช้คำว่า TPU ในการขายกันหมด 

ข้อดีของฟิล์มเกรดเนื้อ TPU
1. มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้ช่างติดตั้งได้สะดวกที่สุด
2. มีความเหนียวสูง ทำให้ปกป้องรอยได้ดีมากๆ
3. มีความเงาใสสูง
4. มีความหนาให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 165ไมครอน - 300 ไมครอน
5. มีอายุการใช้งานที่หลากหลายตั้งแต่ 2ปี-10ปี 

ข้อสังเกตุในการเลือก TPU
1. มีช่วงราคาที่กว้างมาก กรณีติดทั้งคัน เริ่ม 2x,xxx-1xx,xxx กันเลย ทำให้เราไม่รู้ว่า แบบไหนดีหรือไม่ดี
2. มีของคุณภาพต่ำแต่ใช้คำว่า TPU เยอะมาก โดยเฉพาะร้านมือใหม่ หรือร้านทุนจีน ที่เปิดในไทย เน้นทำราคาถูก เรียกลูกค้าที่ไม่ค่อยมีความรู้เข้าไปทำ
3. หากได้ของถูกมา ห้ามใช้นาน 2-3 ปี ต้องรีบลอกออกทันที ไม่เช่นนั้น แห้งติดสีพังได้
4. ของดี ให้ดูที่ยี่ห้อ ที่หาข้อมูลได้ มีหลายร้านเลือกใช้ ไม่ใช่ขายอยู่แค่ร้านๆ นั้น ร้านเดียว
5. เลือกร้านที่เปิดมานาน เพราะอายุการใช้งานของฟิล์มค่อนข้างนาน เวลามีปัญหา จะได้เคลียร์ได้
6. ราคาที่เหมาะสม เริ่มต้นควรอยู่ที่ 40,000 สำหรับแบรนด์ไม่ดัง และแบรนด์ดัง Interbrand อาจจะมีช่วงราคา 70,000-100,000 ขึ้นไป  แต่ไม่ควรเลือกติด 2-3 หมื่น เพราะเสี่ยงได้ของคุณภาพต่ำ มีปัญหาตอนลอกออก แล้วสีพังมากๆ

เนื่องจากฟิล์มใสกันรอยเกรดดีๆ จะมีราคาสูงมาก ซึ่งถ้าจะติดทั้งคันคงต้องมีงบประมาณพอสมควร แต่หากเรามีงบประมาณจำกัด เราสามารถเลือกติดเฉพาะชิ้นงานหรือส่วนที่ง่ายต่อการเกิดรอยได้ อาทิเช่น  กันชนหน้า ฝากระโปรงหน้า หรือวัสดุเปียโนแบล็ค (ดำเงา) ต่างๆ ได้

1. วัสดุภายในที่เป็นสีดำเงา (เปียโนแบล็ค) บริเวณดังกล่าวเป็นรอยขนแมวง่ายมาก แค่เพียงเช็ดทำความสะอาด ริ้วรอยก็เริ่มมาแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่จึงนิยมติดฟิล์มใสกันรอยบริเวณนี้กัน
2. หลุมมือเปิด ฝาถังน้ำมัน ชายบันได ชายฝาท้าย จุดเสี่ยงยอดฮิต ที่จะเกิดรอยขีดข่วนได้ทุกครั้งเมื่อมีการใช้งาน ไม่ว่าจะรอยเล็บเวลาเปิดประตู หรือชายบันไดเวลาก้าวขาออกจากรถไม่พ้นเวลาเปิดประตูในที่แคบเวลาจอดรถในห้าง ชายฝาท้ายเวลายกของเข้าออกแล้วพลาดไปโดน รวมถึงฝาถังน้ำมันที่เด็กปั๊มชอบทำเป็นรอย

!! ข้อควรรู้ก่อนติดตั้งฟิล์มใสกันรอย ทุกชนิด !!

1. กันชนหน้าหรือพื้นผิวที่โค้งเยอะๆ อาจจะมีรอยต่อของฟิล์ม หรือรอยช้ำของฟิล์มบ้างเล็กๆ  ถ้าคุณไม่ต้องการเห็นรอยต่อหรือรอยช้ำเล็กๆ คุณห้ามติดฟิล์มกันรอยเด็ดขาด คุณต้องเลือกเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิกแทน แต่มันก็กันรอยหินดีดไม่ได้
 
2.
 รถสีขาว เวลาใช้ไปนานๆ จะเห็นขอบฟิล์มเป็นเส้นดำๆ เนื่องจากฝุ่นจับตามขอบฟิล์ม รถสีอื่นจะมองไม่ค่อยเห็น
3. เคลือบแก้ว-เซรามิก จะได้เนื้อที่เนียนกว่าฟิล์มใสกันรอย ฟิล์มใสกันรอยเวลาติดในพื้นที่ที่โค้งเยอะๆ ดึงเยอะๆ อาจจะเห็นรอยยับของฟิล์มหรือรอยดึงของฟิล์ม รอยกาวบ้างเป็นต้น

3. หลังติดตั้งไปช่วงแรกๆ ฟิล์มอาจจะยังไม่เซ็ตตัวดี อาจจะพบเห็นขอบฟิล์มเด้งอ้า ได้บ้าง ถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ให้รีบกลับมาเก็บงานหรือตรวจเช็คซ้ำหลังรับรถที่ติดฟิล์มกันรอยไปภายใน 1 สัปดาห์

4. เวลาล้างอัดฉีดตามคาร์แคร์ ควรแจ้งทางร้าน ว่าติดฟิล์มใสกันรอยมา อย่าฉีดน้ำใกล้ๆ หรือจ่อๆ ตามร้านคาร์แคร์เวลาเห็นแมลงติดหน้ารถเยอะๆ ชอบเอาน้ำแรงๆ อัดให้แมลงหลุด ซึ่งฟิล์มที่ติดมาก็จะเสียหายไปด้วย หรืออาจจะเด้งอ้าตามจุดต่างๆ 

5. รถที่เคยทำสีมา รวมถึงชิ้นงานพลาสติกต่างๆ เช่นกันชนหน้า - หลัง กระจกมองข้าง เวลาลอกฟิล์มออก มีโอกาส ที่สีจะหลุดตามได้

ศูนย์ติดตั้งฟิล์มใสกันรอยที่ดีที่สุดในจังหวัด เพชรบุรี และ ราชบุรี

ศูนย์ติดตั้งฟิล์มใสกันรอยที่ดีที่สุดในจังหวัด เพชรบุรี และ ราชบุรี
ฟิล์มกันรอยรถยนต์เพชบุรี ฟิล์มกันรอยรถยนต์ราชบุรี
ฟิล์มใสกันรอยเพชบุรี ฟิล์มใสกันรอยราชบุรี
ฟิล์มกันรอยเพชรบุรี ฟิล์มกันรอยราชบุรี